ClearRecordLite อัดเสียงชัด ปลอดเสียงรบกวน

แอปเด็ดวันนี้เหมาะสำหรับนักศึกษา เลขานุการ นักข่าว นักวิจัย และผู้ที่ต้องการใช้เครื่องบันทึกเสียงในกรณีเฉพาะต่างๆ เราขอแนะนำ ClearRecordLite แอปบันทึกเสียงที่ใช้งานได้ดี ตัดเสียงรบกวนได้มากที่สุด ทำให้เสียงดังฟังชัด ไม่มีสะดุด แม้ขณะหน้าจอพักงานอยู่ ใช้อัดเสียงได้นานเท่าที่ต้องการ และใช้อัดได้หลายชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ

ก่อนอื่นก็ต้องไปดาวน์โหลดแอปตัวนี้มาใช้ก่อนนะคะ หาได้ทั้งในตลาด Google Play ของ Android และ App Store ของ iPhone หลังจากดาวน์โหลดมาแล้วก็เปิดเข้าไปใช้ได้เลยค่ะ หน้าตาจะเป็นอย่างภาพข้างล่างนี้

วิธีการเริ่มต้นอัดเสียงก็ง่ายๆ แค่คลิกที่รูปไมโครโฟนตรงกลาง โปรแกรมการอัดก็จะเริ่มต้นทันที พร้อมกับมีตัวเลขบอกเวลาในการอัด รวมทั้งขนาดของไฟล์ พร้อมชื่อที่ตั้งให้เบื้องต้นจะขึ้นต้นด้วย RecLite_0001 เราสามารถไปเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นในภายหลังได้ เพื่อการค้นหาที่ง่ายขึ้น

ถ้าต้องการหยุดการบันทึกชั่วคราว ก็คลิกที่รูปเดิมตรงกลางนั่นแหล่ะค่ะ โปรแกรมการอัดก็จะหยุดรอนานเท่าที่เราต้องการ โดยตัวเลขของเวลาจะกระพริบบอกตลอดว่ากำลังหยุดอยู่ ถ้าจะอัดต่อก็คลิกที่รูปเดิมอีกที โปรแกรมอัดเสียงก็จะทำงานต่อเนื่องนานเท่าที่เราพอใจ สามารถอัดได้หลายชั่วโมงทีเดียวค่ะ และเมื่อต้องการสิ้นสุดการอัดให้คลิกคำว่า Done ที่อยู่ด้านล่างสุดค่ะ จะมีกรอบหน้าต่างขึ้นมาถามว่าอยากจะหยุดการอัดหรือไม่ ก็ตอบตกลง OK  เป็นอันเสร็จสิ้นการอัดเสียง

จากนั้นหน้าโปรแกรมอัดเสียงก็จะเปลี่ยนโดยอัตโนมัติมาสู่หน้าที่มีรายชื่อไฟล์เสียงที่อัดแล้ว โดยไฟล์เสียงล่าสุดจะอยู่ด้านบนพร้อมมีปุ่ม Play รอให้เราเปิดฟังเสียง หรือจะคลิกไปที่ไฟล์เสียงอื่น ปุ่มก็จะตามเรามาด้วย ไฟล์เสียงที่อัดด้วยโปรแกรมนี้จะเป็นสกุล .wav ค่ะ

ที่ด้านขวามือของแต่ละไฟล์ มีไอคอนดินสอ ไว้สำหรับการแก้ไข เช่น เปลี่ยนชื่อไฟล์ (Rename Recording) ลบไฟล์ (Delete Recording) และส่งไฟล์แชร์ไปที่ต่างๆ (Share Recording)

กรณีเมื่อเปิดโปรแกรมเข้ามาใหม่ๆ ในหน้าแรกยังไม่ต้องการอัดแค่จะฟังเสียงที่ได้อัดไปเมื่อคราวก่อน ก็ให้คลิกปุ่มที่มุมขวาด้านล่าง ก็จะนำเข้ามาสู่หน้าไฟล์เสียงที่ได้บันทึกไว้

ในด้านการปรับเปลี่ยนค่าเสียงก็สามารถทำได้โดยคลิกที่ปุ่ม Setting ในหน้าแรก (หน้าอัดเสียง) ที่มุมด้านล่างทางซ้ายมือ เราจะเอาตัวที่กรองเสียงรบกวนออกก็ได้ค่ะก็คลิกที่ Noise Reduction OFF สำหรับผู้ทที่ต้องการเสียงจากบรรยากาศจริงๆ และถ้าต้องการเสียงที่คมชัดไพเราะมากขึ้นก็อาจเปลี่ยนจาก Speech Mode (16KHz) มาเป็น Music Mode (44.1KHz) ได้เลยค่ะ

ทีนี้ก็ได้ผู้ช่วยตัวเก่งในการบันทึกเสียงที่จะทำให้ทั้งการเรียนและการงานของเราบรรลุความสำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วล่ะค่ะ ก็ขอให้สนุกกับการเรียนและการทำงานนะคะ

ที่มา: http://coolappforwork.blogspot.com/

No comments:

Post a Comment